‘มาเลเซีย’ มั่นใจเศรษฐกิจปี 68 โตเกิน 5% พร้อมรับมือโลกผันผวนในยุค 'ทรัมป์'

13 มกราคม 2568
‘มาเลเซีย’ มั่นใจเศรษฐกิจปี 68 โตเกิน 5%  พร้อมรับมือโลกผันผวนในยุค 'ทรัมป์'

รมว.คลัง ‘มาเลเซีย’ มั่นใจเศรษฐกิจปี 68 โตเกิน 5% รับอานิสงส์การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ พร้อมรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวนท่ามกลางสงครามการค้าในยุค ‘ทรัมป์’

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างถึง "อามีร์ ฮัมซาห์ อาซิซาน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนที่ 2 ของ "มาเลเซีย" ที่กล่าวว่า เศรษฐกิจมาเลเซียยังคงแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตเกิน 5% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่แข็งแกร่ง และนโยบายการเงินภายในประเทศที่ทำให้เศรษฐกิจของมาเลเซียสามารถต้านทานต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

อามีร์ มองว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งรัฐบาลมีแนวโน้มจะทำผลงานได้ดีกว่าเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณปีที่แล้วที่ 4.3%  ของ GDP นอกจากนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะปรับลดช่องว่างของการขาดดุลงบประมาณที่ 3.8% ของ GDP

"การลงทุนจากต่างประเทศที่แข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่ง และเชื่อมั่นว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี"

การฟื้นฟูสุขภาพทางการเงินของมาเลเซียถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศรักษาอันดับเครดิตสูงสุดในอาเซียนที่กำลังพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า GDP ของมาเลเซียจะขยายตัวสูงถึง 4.5% ถึง 5.5% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.7%

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

การปรับเงินเดือนข้าราชการ และแผนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในภาคเอกชน จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

นอกจากนี้ บทบาทสำคัญของบริษัทการลงทุนที่รัฐบาลเกี่ยวข้อง (GLIC) ซึ่งมีสินทรัพย์รวมมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านริงกิต โดย GLIC ได้เพิ่มการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 120 พันล้านริงกิตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การตัดสินใจลงทุนของ GLIC นี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

รวมไปถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนค่าเงินริงกิต

ในปี 2567 เงินสกุลริงกิตของมาเลเซียได้แสดงผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยแข็งค่าขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการอ่อนค่าลงติดต่อกันถึง 3 ปี

ขณะที่การนำเข้าสินค้าและบริการอยู่ในระดับที่เหมาะสม การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลมีกลไกการรองรับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

อาเมียร์ แสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจของประเทศที่มีความหลากหลายจะสามารถต้านทานต่อภัยคุกคามจากภาษีศุลกากร และสงครามการค้าของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ของประเทศกำลังพัฒนา

"แม้ว่าตลาดโลกจะมีความผันผวน แต่ในปัจจุบัน ผมคิดว่าเรามีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรับมือได้"


แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.